Blog

Harmonic Pattern คืออะไร

image

หลังจากที่เราได้รู้จัก Fibonacci ไปแล้ว นอกจากการใช้เพื่อหาระดับแนวรับแนวต้านของราคาได้แล้ว เรายังสามารถใช้ทฤษฎีนี้ในการหาลักษณะของกราฟเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้ด้วย หรือก็คือ Harmonic Pattern ที่เราจะมาทำความรู้จักกันในบทความนี้ครับ

Harmonic Pattern คืออะไร?

Harmonic Pattern คือรูปแบบกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางราคา โดยใช้ร่วมกับอัตราส่วนที่พบในทฤษฎี Fibonacci เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดย Harmonic Pattern จะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างมีเงื่อนไขที่ต่างกันออกไป

Harmonic Pattern ถูกคิดค้นขึ้นโดย Harold McKinley Gartley ในปี 1932 และได้รับการยอมรับจากนักเทรดเป็นวงกว้างเพราะมีความแม่นยำสูง และสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ตาม Harmonic Pattern นับว่าเป็นรูปแบบกราฟที่มีความซับซ้อนมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง การที่นักลงทุนจะนำมาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องมีความเข้าใจในทฤษฎี Fibonacci และทำความเข้าใจเงื่อนไขของ Harmonic Pattern แต่ละรูปแบบจนเชี่ยวชาญ

Fibonacci สำคัญกับ Harmonic Pattern อย่างไร?

Fibonacci หรือลำดับเลขฟีโบนัชชีมีแนวคิดหลักคือการนำตัวเลขก่อนหน้า 2 ลำดับมารวมกัน และได้ 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377 โดยจะเห็นได้ว่า 0 + 1 = 1 จากนั้น 1 + 1 = 2 และ 2 + 1 = 3 หรือ 55 + 90 = 145 เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

เมื่อนำลำดับเลขฟิโบนัชชีมาคำนวณโดยใช้รูปแบบเรขาคณิต ซึ่งก็คือการเอาตัวเลขลำดับต่อไปหารกับตัวเลขลำดับก่อนหน้า จะได้เป็นค่าอนุพันธ์ที่เป็นสัดส่วนทองคำหรือ Golden Rule ที่ 0.618 (144 ÷ 233) หรือ 1.618 (233 ÷ 144) รวมถึงอัตราส่วนอย่าง 0.382, 0.50, 1.41, 2.0, 2.24, 2.618, 3.14 และ 3.618 ก็สามารถคำนวณออกมาได้

อย่างที่ทราบกันดีว่าสัดส่วนทองคำมักจะปรากฏในธรรมชาติไปจนถึงสถาปัตยกรรมบางอย่างที่มีความสวยงามและลงตัว อย่างพีรามิดหรือทัชมาฮาลก็สร้างขึ้นตามสัดส่วนทองคำ เช่นเดียวกันกับการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด โดยจากการทดสอบจากนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนหลายต่อหลายครั้ง พบว่ากราฟราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามสัดส่วนทองคำ และนั่นก็คือ Harmonic Pattern นั่นเอง

วิธีหา Harmonic Pattern ในรูปแบบ Bat

Harmonic Pattern จะมี 5 จุดสำคัญในกราฟราคาที่เราต้องมองให้ออก ซึ่งก็คือ X, A, B, C และ D โดย X คือจุดเริ่มรูปแบบ Harmonic Pattern และ D ก็คือจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว เราสามารถใช้เครื่องมือ Fibonacci Retracement (Fib Retracement) เพื่อช่วยค้นหาจุดสำคัญเหล่านี้ได้

image

ลักษณะกราฟ Bullish Bat Harmonic Pattern จะมีรูปร่างคล้ายกับตัว M ซึ่งเป็นลักษณะที่สะท้อนแนวโน้มว่าราคามีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น โดยมีวิธีตีกราฟดังนี้

หาจุด X ให้สังเกตกราฟราคาช่วงที่มีทิศทางขึ้นและเกิดการย่อตัวลง โดยจุดที่ราคาแกว่งต่ำสุดก็คือจุด X หรือจุดเริ่มต้น และจุดที่ราคาขึ้นไปสูงสุดก่อนย่อตัวลงก็คือจุด A

ตีเส้น Fib Retracement จาก จุด X ไปยัง จุด A

หากราคาที่ย่อตัวลงมาอยู่ในระดับ 38.2% — 86.6% ของ Fib Retracement ก็จะสามารถยืนยันจุด X, A และ B ได้ โดยจุด B ก็คือจุดที่ราคาย่อตัวลงต่ำสุดต่อจากจุด A

ต่อมาคือการหาจุด C ให้ตีเส้น Fib Retracement จากจุด A ไป B หากราคาที่ดีดขึ้นมาจากจุด B อยู่ที่ระดับ 38.2% — 150% ก็จะสามารถยืนยันจุด C ได้

สุดท้ายคือการหาจุด D ให้ตีเส้น Fib Retracement จากจุด X ไป A อีกครั้ง หากราคาที่ย่อตัวลงมาจากจุด C อยู่แถวระดับ 127.2% — 300% ก็จะสามารถยืนยันจุด D ได้

หากสามารถหา Bullish Harmonic Pattern ได้ครบทั้ง 5 จุดตามเงื่อนไขแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จุด D จะเป็นจุดที่ราคาเริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) นักลงทุนจึงสามารถใช้จุด D เป็นจุดเข้าซื้อเพื่อรอการขึ้นของราคาได้นั่นเอง

image

ลักษณะกราฟ Bearish Bat Harmonic Pattern จะมีรูปร่างคล้ายตัว W ซึ่งเป็นลักษณะที่สะท้อนแนวโน้มว่าราคามีโอกาสกลับตัวเป็นขาลง โดยมีวิธีตีกราฟดังนี้

1.หาจุด X ให้สังเกตกราฟราคาช่วงที่มีทิศทางลงและเกิดการพุ่งตัวขึ้น โดยจุดที่ราคาแกว่งสูงที่สุดก็คือจุด X หรือจุดเริ่มต้น และจุดที่ราคาลงไปต่ำสุดก่อนพุ่งตัวสูงขึ้นก็คือจุด A

2.ตีเส้น Fib Retracement จาก จุด X ไปยัง จุด A

3.หากราคาที่พุ่งตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 38.2% — 86.6% ของ Fib Retracement ก็จะสามารถยืนยันจุด B ได้ โดยจุด B ก็คือจุดที่ราคาพุ่งตัวขึ้นสูงสุดต่อจากจุด A

4.หาจุด C โดย ตีเส้น Fib Retracement จากจุด A ไป B หากราคาที่ลงมาจากจุด B อยู่ที่ระดับ 38.2% — 150% ก็จะสามารถยืนยันจุด C ได้

5.หาจุด D โดย ตีเส้น Fib Retracement จากจุด X ไปยัง จุด A อีกครั้ง หากราคาที่เพิ่มขึ้นจากจุด C ในระดับ 127.2% — 300% ก็จะสามารถยืนยันจุด D ได้

Harmonic Pattern รูปแบบอื่น ๆ

image

รูปแบบของ Harmonic Pattern มีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Bat (ค้างคาว), Butterfly (ผีเสื้อ), Crab (ปู) และ Gartley แต่ละรูปแบบสามารถแบ่งออกเป็น Bearish (สัญญาณขาลง) และ Bullish (สัญญาณขาขึ้น) ได้อีก

สรุป

Harmonic Pattern คือรูปแบบกราฟที่ถูกกำหนดด้วยลำดับเลข Fibonacci เป็นรูปแบบกราฟที่ได้รับการยอมรับจากนักเทรดเป็นวงกว้างเพราะมีความแม่นยำสูง และสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างแพร่หลาย แต่ก็เป็นรูปแบบกราฟที่มีความซับซ้อนมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง นักเทรดที่สนใจ Harmonic Pattern จึงต้องมีประสบการณ์และความรู้ในเชิงเทคนิคค่อนข้างสูง จึงจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

_________________________________________

มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog

หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่

คำเตือน:

**คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”

Source:

Medium

Author: Pipitchot Panupornprapong | | Read: NaN
Latest blog posts