บทความ
สรุปประเด็นสําคัญ อุตสาหกรรมคริปโตไตรมาส 1 ปี 2025 จากรายงานของ CoinGecko

ปลายปี 2024 เป็นช่วงเวลาที่ตลาดคริปโตคึกคักและสร้างความหวังใหม่ให้กับนักลงทุน แต่เมื่อต้นปี 2025 ในช่วง Q1 ภาพรวมกลับพลิกผันอย่างชัดเจน มูลค่าตลาดหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ซบเซา โดยเฉพาะในกลุ่ม Altcoin บทความนี้สรุปรายงานอุตสาหกรรมคริปโตไตรมาส 1 ปี 2025 จาก CoinGecko ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่แนวโน้มตลาดโดยรวม การวิเคราะห์ BTC, ETH เจาะลึกระบบ DeFi และ NFT ไปจนถึงภาพรวมของตลาดเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) และกระจายศูนย์ (DEX)
ส่วนแบ่งตลาด TVL ของ DeFi ไตรมาสแรกปี 2025: การกระจายมูลค่ารวมที่ล็อก (TVL) ใน Multichain ตั้งแต่ตุลาคม 2024 ถึงมีนาคม 2025
Total Market Cap ในไตรมาสแรกของปี 2025 ลดลงไปถึง 633,500 ล้านดอลลาร์ (-18.6%) หรือ ประมาณ 23.44 ล้านล้านบาทไทย แต่ได้ทําการแตะ YTD high (Year to date) ในมูลค่าที่ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในวันที่ 28 มกราคม 2025 ซึ่งได้แตะมูลค่านี้เกิดขึ้น 2 วันก่อนพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ (Trump’s inauguration) ก่อนที่จะลดลงไปถึง 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงท้ายของไตรมาสแรกในปี 2025
2. ส่วนแบ่งตลาดคริปโตไตรมาสแรกปี 2025: ส่วนแบ่งตลาดของ 7 เหรียญคริปโตชั้นนำเทียบกับมูลค่าตลาดคริปโตรวม (ตุลาคม 2024 — มีนาคม 2025)
Bitcoin dominance เพิ่มขึ้น 4.6%สู่ระดับ 59.1% ท่ามกลางช่วงตลาดขาลงในไตรมาสแรก ซึ่งต่างกันกับเหรียญ Altcoin ที่ได้รับผลกระทบหนักจากสภาวะตลาดในช่วงไตรมาสแรก อย่างไรก็ตามเหรียญ Altcoin อย่าง XRP ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนไว้ได้เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม Stablecoins อย่าง USDT กลับได้รับผลประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในช่วงไตรมาสแรก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5.2% ของส่วนแบ่งตลาด ทางด้าน Ethereum (ETH) ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ด้วยส่วนแบ่งตลาดของ ETH ที่ลดลงเหลือ 7.9% ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019
3. ราคาและปริมาณการซื้อขายของ Bitcoin (BTC)
ราคาของเหรียญ Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นปีของ 2025 และได้ทําการแตะราคาสูงสุด (All-Time High) ที่ราคา 106,182 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดสูงสุดรายปี (YTD Top) ของ BTC ก่อนที่ราคาจะทําการปรับตัวลง -11.8% ที่ 82,514 ดอลลาร์
ในส่วนค่าเฉลี่ยของ trading volume รายวันของ Bitcoin (BTC) อยู่ที่ประมาณ 42,600 ล้านดอลลาร์ โดยมีการปรับที่ -26.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดย trading volume ได้พุ่งขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเทขายในวงกว้างของช่วงเวลาดังกล่าว สาเหตุจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา
4. Bitcoin vs. ผลตอบแทนราคาของสินทรัพย์หลักประเภทอื่น
ราคาของทองคําเพิ่มขึ้นถึง 18% และได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ถือว่า “แข็งแกร่ง” ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนในช่วงของไตรมาสแรกในไป 2025 ในขณะที่ BTC (-11.8%) และดัชนี NASDAQ (-10.3%) ที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงต้องเผชิญกับการปรับตัวลดลง ในส่วนของดัชนี S&P 500 ก็ลดลงถึง -4.4%
โดยปกติดัชนี DXY ที่จะมีค่าความสัมพันธ์กับสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง -4.6% อาจเป็นผลจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในขณะที่เงินเยนญี่ปุ่น (JPY +5.25%) และยูโร (EUR +4.5%) โดยเฉพาะเงินเยนที่แข็งค่า สาเหตุมาจากการที่ปิดสถานะ Yen carry trade หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม
5. ราคาและปริมาณการซื้อขายของ Ethereum (ETH) ลดลง -45.3% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025
ราคา Ethereum (ETH) ปิดในราคาที่ 1,805 ดอลลาร์ ลดลง -45.3% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 เรียกได้ว่าลบกำไรทั้งหมดที่ได้จากปี 2024 และกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี 2023 โดย ETH มีผลตอบแทนที่แย่กว่าสินทรัพย์หลักอื่น ๆ อย่าง BTC, SOL, XRP และ BNB ซึ่งทั้งหมดปรับตัวลดลงน้อยกว่ามาก
ในส่วนของ trading volume ปรับตัวลดลงเช่นกันในไตรมาสแรก จากค่าเฉลี่ยรายวันประมาณ 30,000 ล้านในไตรมาส 4 ปี 2024 เหลือประมาณ 24,400 พันล้านในไตรมาสล่าสุด โดยในวันที่ปริมาณการซื้อขายพุ่งสูง มักจะเห็นราคา ETH ร่วงลงแรง
ต้นทุนค่าเฉลี่ยแก๊สในไตรมาสแรกของปี 2025 อยู่ที่ 6.9 Gwei ลดลงจาก 17.2 Gwei ในไตรมาส 4 ปี 2024 โดยได้เกิดการลดลงครั้งใหญ่ของค่าแก๊สนี้เป็นผลจากการเพิ่มขีดจำกัดแก๊ส (Gas Limit) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งช่วยลดการแข่งขันในแย่งใช้แก๊สลง
6. ภาพรวม DeFi: มูลค่าตลาดรวมของ DeFi ของตลาดคริปโตทั้งหมด ร่วงลง -19.23% ขณะที่สถาบันเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้น (ไตรมาส 4 ปี 2024 — ไตรมาส 1 ปี 2025)
มูลค่าตามราคาตลาด(Maket Cap) ของ Defi ร่วงลง -19.23% แต่ยังคงรักษาสัดส่วนในตลาดคริปโตโดยรวม ขณะที่สถาบันเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้น
โดยมูลค่าตามราคาตลาด (Maket Cap) ของ Defi ลดลงจากประมาณ 119,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 98,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม เนื่องจากกระแสความตื่นเต้นเกี่ยวกับรัฐบาลทรัมป์ที่สนับสนุนคริปโตเริ่มจางหาย และถูกแทนที่ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าเต็มรูปแบบ
ขณะเดียวกัน BTC ค่อย ๆ หลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 108,000ดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคม ส่วนการอ่อนตัวของ ETH เมื่อเทียบกับเหรียญใหญ่ตัวอื่น ๆ ทำให้มูลค่าตลาด DeFi หดตัวลงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลต่อราคาของกลุ่มย่อย เช่น Liquid Staking และ Restaking
DeFi สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมที่ 3.5% ไว้ได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ปี 2025 เนื่องจากความสนใจใน Stablecoin และ RWA มากขึ้น
7. ปริมาณการซื้อขาย DEX ในแต่ละเครือข่ายไตรมาสแรกปี 2025: ปริมาณการซื้อขายรายเดือนของกระดานแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ เติบโตขึ้น +35.3% (ต.ค. 2024 — มี.ค. 2025)
ในไตรมาส 1 ปี 2025 Solana ยังคงครองตลาด DEX อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 39.6% และมูลค่าการเทรดที่เติบโตขึ้น +35.3% จาก 217,000 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสก่อนหน้า เป็น 293,700 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ โดยในเดือนมกราคม Solana ทำสถิติใหม่ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 52% และยอดเทรดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 184,800 ล้านดอลลาร์ จากความนิยมกระแสมีมคอยน์
อย่างไรก็ตามแต่เมื่อกระแสมีมคอยน์เริ่มซาลง Ethereum ก็สามารถทวงตำแหน่งคืนในเดือนมีนาคม ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 30.1% เทียบกับ Solana ที่ลดลงเหลือ 23.4% ขณะเดียวกัน เครือข่ายน้องใหม่อย่าง Sonic และ Berachain ก็แจ้งเกิดเต็มตัว ด้วยการแซงหน้า Optimism และ Polygon หลุดจากท็อป 10 ในเดือนมีนาคม แม้ว่าทั้งสองเชนเดิมจะยังมีส่วนแบ่งสูงกว่าเมื่อดูตลอดไตรมาส
8. กระแสเงินสุทธิรายวันของ US Spot Bitcoin ETF (ไตรมาส 4 ปี 2024 — ไตรมาส 1 ปี 2025)
หลังจากมีเงินไหลเข้าสุทธิ 3,280 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4 ปี 2024 กองทุน US Spot Ethereum ETFs กลับประสบกับการไหลออกสุทธิ -227.6 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 1 ปี 2025 ส่งผลให้สินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 5,400 ล้านดอลลาร์
โดย ETF ที่ยังคงมีเงินไหลเข้าสุทธิในไตรมาสนี้ ได้แก่ BlackRock’s ETHA (+548.4 ล้านดอลลาร์), VanEck’s ETHV (+7.7 ล้านดอลลาร์), Invesco’s QETH (+1.6 ล้านดอลลาร์) และ 21Shares’ CETH (+1.4 ล้านดอลลาร์) ขณะที่ Grayscale’s ETHE (-526.5 ล้านดอลลาร์), Fidelity’s FETH (-146.8 ล้านดอลลาร์) และ WisdomTree’s ETHW (-80.7 ล้านดอลลาร์) เป็นกลุ่มที่มีเงินไหลออกมากที่สุด
9. อิทธิพลของทรัมป์ที่มีต่อ Bitcoin (BTC)
ตั้งแต่ต้นปี 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีบทบาทสำคัญต่อราคาของ Bitcoin โดยในช่วงแรก ราคาพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) หลังจากที่ทรัมป์เปิดตัวเหรียญ $TRUMP memecoin และลงนามคำสั่งบริหารเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสร้างความคาดหวังว่ารัฐบาลจะสนับสนุนวงการคริปโตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มบวกนี้อยู่ได้ไม่นาน เพราะนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยเฉพาะการประกาศภาษีตอบโต้ต่อประเทศต่าง ๆ เช่น แคนาดา เม็กซิโก จีน ฯลฯ เริ่มสร้างความกังวลต่อนักลงทุน ส่งผลให้ราคาคริปโตเริ่มผันผวนและลดลงเรื่อย ๆ
ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มมีสัญญาณลบมากขึ้น เช่น คาดการณ์ GDP ไตรมาส 1 ติดลบ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง และตลาดหุ้นปรับตัวลงตามคำเตือนของบริษัทใหญ่อย่าง Walmart ซึ่งรวมถึงความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้แรงขายในตลาดคริปโตยิ่งรุนแรง จนราคา Bitcoin ร่วงลงไปใกล้ระดับ 70,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ แม้ว่าทรัมป์จะออกมาชะลอการใช้ภาษีตอบโต้ในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่ความเชื่อมั่นของตลาดก็ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
10. มูลค่าของ Total Value Locked (TVL): จำนวนเงินที่ล็อกไว้กว่า 48,900 ล้านดอลลาร์หายไปจาก Multichain ไตรมาส 1 ปี 2025
มูลค่ารวมที่ล็อกไว้ (TVL) ในระบบ Multichain DeFi ลดลง -27.5% ในไตรมาส 1 ปี 2025 จาก 177,400 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2024 เหลือประมาณ 128,600 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงอย่างหนักของมูลค่าเหรียญ Altcoin ต่าง ๆ
โดยเฉพาะ Ethereum ที่สูญเสียส่วนแบ่ง TVL ไปอย่างมาก โดยลดลงจากการครองส่วนแบ่ง 63.5% เมื่อต้นปี 2025 เหลือ 56.6% ในช่วงปลายไตรมาส 1 โดย TVL ของ Ethereum ลดลง -35.4% จากประมาณ112,600 ล้านดอลลาร์ เหลือ 72,700 ล้านดอลลาร์
ที่มา: coingecko
— — — — — — — — — — — — — — — — —
- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
ที่มา:
Medium