บทความ
มือใหม่เริ่มลงทุนใน Bitcoin ต้องทำอย่างไร?
ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่าหากคุณเสนใจ Bitcoin และอยากเริ่มลงทุน คุณจะสามารถเริ่มต้นด้วยตัวเองได้อย่างไรบ้าง?
Bitcoin คืออะไร?
อันดับแรก ก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใด เราต้องเข้าใจพื้นหลังของสินทรัพย์นั้นเสียก่อน โดย Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกที่เป็น “Decentralized” หรือ “กระจายศูนย์” แตกต่างกับเงินดิจิทัลแบบ Centralized หรือแบบมีตัวกลางที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลหรือองค์กรที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วเค้าคือใครกันแน่ โดย Satoshi สร้าง Bitcoin ขึ้นมาให้มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ปัจจุบันมี Bitcoin ไหลเวียนอยู่ในระบบประมาณ 19 ล้านเหรียญ
ด้วยความที่เป็น Decentralized ทำให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ไม่ถูกควบคุมโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง กล่าวคือสามารถตัดตัวกลางในการดำเนินธุรกรรมไปได้นั่นเอง เมื่อไม่มีตัวกลาง การดำเนินธุรกรรมต่างๆด้วย Bitcoin จึงมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงอย่างมาก รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินธุรกรรมต่างๆก็จะลดน้อยลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นการโอนเงินข้ามประเทศ คุณจำเป็นต้องเดินไปที่ธนาคารเพื่อยื่นเรื่องทำธุรกรรม ทางธนาคารก็จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินครั้งละ 10–15% ซึ่งถือว่าเยอะมากๆสำหรับการทำธุรกรรมครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำธุรกิจที่ต้องมีการโอนเงินไปต่างประเทศ แต่ถ้าใช้ Bitcoin คุณสามารถส่ง Bitcoin ผ่านแอปพลิเคชั่นที่รองรับไปยัง Wallet ของผู้รับ จากนั้นผู้รับสามารถนำ Bitcoin มาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินผ่านบริการของ Exchange ในประเทศนั้น ๆ ได้นั่นเอง
Blockchain คืออะไร?
เทคโนโลยีเบื้องหลัง Bitcoin ก็คือ Blockchain หรือเรียกอีกชื่อว่า Public Ledger “สมุดบัญชีสาธารณะ” นั่นเอง ซึ่งก็คือการที่ทุกคนในเครือข่ายจะถือสมุดบัญชีกันคนละเล่ม โดยในสมุดบัญชีจะมีข้อมูลการดำเนินธุรกรรมทุกอย่างบันทึกลงไป พอมีการทำธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น เช่น A ส่ง Bitcoin จำนวน 0.05 เหรียญให้กับ B ทุกคนในเครือข่ายจะรับทราบและมีการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมนั้น ๆ โดยผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมก็คือเหล่านักขุดนั่นเอง
เนื่องจากข้อมูลที่เกิดขึ้นใหม่บนบล็อกเชนจะอยู่ในรูปแบบของรหัส Hash function จึงต้องมีการแก้ไขสมการโดยใช้พลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเหล่านักขุดจะแข่งขันกันใช้คอมพิวเตอร์แก้ไขสมการ ผู้ที่แก้สมการได้ก่อนจะมีสิทธิ์ในการเซ็นรับรองธุรกรรม ส่วนนักขุดที่แก้สมการสำเร็จทีหลังก็จะเข้ามาช่วยรับรองความถูกต้องของธุรกรรมนั้นๆให้อีกขั้นหนึ่ง ก่อนที่จะส่งข้อมูลธุรกรรมนั้นๆขึ้นไปอยู่บนเครือข่ายแบบถาวรสำหรับการตรวจสอบย้อนหลัง นักขุดที่แก้สมการสำเร็จก่อนก็จะได้รับ Bitcoin ที่ยังไม่มีในระบบไปเป็นรางวัลตอบแทน
สาเหตุที่ทำให้ Blockchain มีความปลอดภัยสูงมากเป็นเพราะขนาดของเครือข่ายนั่นเอง ยิ่งเป็นเครือข่าย Blockchain ที่ใหญ่แค่ไหนก็จะยิ่งมีกำลังขุดหรือพลังในการประมวลผลโดยรวมสูงมากขึ้นเท่านั้น มิจฉาชีพที่ต้องการแฮคเครือข่ายหรือใส่ข้อมูลที่เป็นเท็จลงไปจำเป็นต้องมีกำลังในการประมวลผลสูงกว่า 51% ของทั้งเครือข่าย ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะกับ Bitcoin ที่เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด ณ ปัจจุบัน
ด้วยคุณสมบัติของ Blockchain ตามที่กล่าวมาข้างบน Bitcoin จึงแตกต่างกับสกุลเงินแบบเดิมหรือที่เรียก Fiat Currency ที่ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางหรือรัฐบาลของแต่ละประเทศ ซึ่งธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงิน Fiat Currency เหล่านี้ออกมาได้อย่างไม่จำกัดเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่ตามมาคือปัญหาเงินเฟ้อ นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายๆคนเริ่มหันเข้าหา Bitcoin กันมากขึ้นนั่นเอง
Wallet คืออะไร?
Wallet หรือ “กระเป๋าเงิน” ก็คือที่เก็บ Bitcoin ของคุณนั่นเอง ซึ่งตัว Wallet จะมีสิ่งที่เรียกว่า Private Key และ Public Key โดย Public Key หมายถึงที่อยู่ของ Wallet ใช้สำหรับการรับ-ส่ง Bitcoin ขณะที่ Private Key เปรียบเสมือน “ลายเซ็น” ของคุณที่ใช้รับรองว่าคุณตั้งใจทำธุรกรรมนั้น ๆ จริง ดังนั้นคุณควรรักษา Private Key ให้ปลอดภัยจากสายตาของคนอื่นเสมอ
ในช่วงแรกที่ Bitcoin เกิดขึ้นมา มีการใช้สิ่งที่เรียกว่า Paper Wallet หรือกระดาษที่บันทึกทั้ง Private Key และ Public Key ลงไป แต่เนื่องจากตัวกระดาษมีโอกาสเสียหายหรือย่อยสลายได้ค่อนข้างง่าย จึงเริ่มมี Software Wallet เกิดขึ้น แต่ตัว Software Wallet ก็จะอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พอจะใช้งานก็ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เกิดเป็นช่องว่างให้คนร้ายสามารถแทรกซึมเข้ามาได้
ดังนั้น Hardware Wallet จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เก็บรักษา Private Key โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและมีความทนทานเป็นอย่างมาก เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินสำรองในระยะยาวนั่นเอง
Exchange คืออะไร?
Exchange คือผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ เป็นสกุลเงิน Fiat Currency หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินดิจิทัลด้วยกันเอง โดยอาจมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการเล็กน้อย
ส่วนใหญ่แล้ว Exchange จะมีการใช้ Wallet ของตัวเองเพื่อให้สะดวกในการซื้อขาย และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ บาง Exchange ก็ใช้ทั้ง Software Wallet ร่วมกับ Hardware Wallet สำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ของผู้ใช้
เนื่องจากราคา Bitcoin รวมถึงเหรียญดิจิทัลต่าง ๆ มักจะมีการเคลื่อนไหวของมูลค่าอยู่ตลอดเวลา จึงมีผู้ที่สนใจเข้ามาเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาใน Exchange ต่างๆ ซึ่ง Exchange เหล่านี้ก็จะมีกราฟและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเก็งกำไร ไม่ว่าจะเป็น Indicators, Stop Limit, หรือ Analytics เป็นต้น
นอกจากนี้ Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลยังสามารถซื้อขายได้ในหน่วยทศนิยม เช่น 0.0000001 Bitcoin หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin ในราคาเต็ม จึงเหมาะกับผู้ที่มีต้นทุนจำกัด หรือผู้ที่ต้องการลองเชิงเพื่อดูท่าทีของตลาดหรือทดสอบก่อนเริ่มลงเงินเป็นจำนวนมากได้นั่นเอง
วิธีรักษาทรัพย์สินดิจิทัล
ณ ปัจจุบัน ยังไม่เคยมีใครสามารถแฮคเครือข่าย Bitcoin ได้ ดังนั้นเหล่ามิจฉาชีพจึงเล็งเป้าหมายมายัง Exchange หรือตัวผู้ใช้แทน ซึ่งตัว Exchange ก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้เองก็ต้องรู้จักวิธีรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชีของตัวเองเช่นกัน
กลยุทธ์ที่มิจฉาชีพมักใช้เพื่อหลอกเอาข้อมูลของผู้ใช้ หนึ่งในนั้นคือการ Phishing ที่เป็นการส่งอีเมลหรือข้อความแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของ Exchange เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ตายใจและยอมให้ข้อมูล มิจฉาชีพจึงสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้นั่นเอง
วิธีการป้องกันตัวที่ดีที่สุดของอันดับแรกคือการเลือกใช้ Exchange ที่น่าเชื่อถือ มีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง มีบริษัทเป็นตัวเป็นตนสามารถตรวจสอบได้ และได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
สรุป
Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ทำให้ Bitcoin มีความเป็น “Decentralized” และมีความน่าเชื่อถือสูง ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
สำหรับวิธีการเป็นเจ้าของ Bitcoin ที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือการใช้บริการของ Exchange ที่ได้มาตรฐาน แต่มิจฉาชีพย่อมมีอยู่ในทุกวงการ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องเรียนรู้วิธีสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเองในระดับหนึ่ง
โดย Bitkub ก็คือ Digital Asset Exchange อันดับ 1 ของประเทศไทย พร้อมสินทรัพย์คุณภาพกว่า 38 เหรียญ และทีมซัพพอร์ตที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
นึกถึง Bitcoin คิดถึง Bitkub ดาวน์โหลดและเริ่มเทรดบน Bitkub ได้แล้ววันนี้ บนสมาร์ทโฟนระบบ Android และ iOS หรือไปที่เว็บไซต์ https://www.bitkub.com/
_________________________________________
บทความ Bitkub Blog ที่คุณอาจสนใจ
ทำความเข้าใจ Bitcoin คืออะไร? ภายใน 3 นาที
ไขทุกเรื่องราวเกี่ยวกับ Cryptocurrency ว่าคืออะไร และทำไมถึงน่าสนใจ ?
มัดรวม 6 กลยุทธ์ลงทุนคริปโทฯ ที่นักเทรดนิยมใช้
หุ้น vs. คริปโต แตกต่างกันอย่างไร?
_________________________________________
มาเรียนรู้เรื่อง บิตคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกของคริปโทฯ ได้ดีขึ้น ที่ Bitkub Blog
หากคุณยังเป็นมือใหม่ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ “แหล่งความรู้ มือใหม่หัดเทรดคริปโต เริ่มต้นที่นี่”
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
***ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต”
ที่มา:
Medium