บทความ

Rug Pull คืออะไร แฉกลโกงขโมยคริปโทฯ ที่คุณไม่เคยรู้

image

การเทรดเหรียญคริปโทฯ ถือว่ายังเป็นตลาดที่ใหม่สำหรับนักลงทุน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้น ตลาดทองคำ และตลาดอสังหาฯ ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกัน หากใครได้ติดตามข่าวบิตคอยน์ ก็น่าจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการขโมยเหรียญหรือ Rug pull มาบ้างแล้ว แต่อาจไม่ได้ทำความเข้าใจแบบจริงจังสักที วันนี้ Bitkub Exchange จะมาเผยกลโกง Rug pull พร้อมแนะนำวิธีที่จะช่วยให้คุณเทรดคริปโทฯ ได้อย่างปลอดภัย

Rug pull คืออะไร

นิยามของคำว่า Rug pull ในวงการคริปโทฯ หมายถึง การที่ทีมนักพัฒนา (Developer) ละทิ้งโปรเจกต์หรือหน้าที่ความรับผิดชอบต่าง ๆ พร้อมทั้งหอบเงินของเหล่านักลงทุนและจากไปโดยไม่ได้บอกกล่าว หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการโกงเงินนั่นเอง เปรียบเสมือนการดึงพรมที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของใครสักคนนึง แล้วกอบโกยผลประโยชน์ส่วนนั้นให้ตัวเองโดยไม่บอกผู้ที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันเลยสักคำ

เมื่อไรก็ตามที่มีการ Rug pull แน่นอนว่านักลงทุนจะเสียผลประโยชน์จากโปรเจกต์ที่ลงทุนไป โดยกลโกงนี้มักเป็นโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งเป็นเหรียญคริปโทฯ ที่ไม่มีตัวกลางควบคุม จึงง่ายต่อการนำเหรียญไปเทขายในตลาด Decentralized Exchanges (DEXs) เมื่อเหรียญมีมูลค่าสูงจนเจ้าของโปรเจกต์พอใจแล้ว ก็รีบ Rug pull หรือขโมยเหรียญทั้งหมดทันทีโดยที่นักลงทุนยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าโดนดึงพรมแบบล้มทั้งยืนกันเลย

กลโกง Rug Pull มีอะไรบ้าง

ไม่ว่าคุณจะลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทไหน ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนนั้นให้เข้าใจก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คุณโดน Rug pull เอาง่าย ๆ โดยเฉพาะการลงทุนช่วงภาวะเงินเฟ้อที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เริ่มจากการทำความเข้าใจกลโกงต่าง ๆ ที่เจ้าโจรขโมยเหรียญมักทำกันก่อนเลย

Hard Rug Pull — ขโมยคริปโทฯ จากสภาพคล่อง (Liquidity scam)

นักพัฒนาสร้างเหรียญดิจิทัลสกุลใหม่ขึ้นมาด้วยการเขียนโค้ดที่มีช่องโหว่ให้ตัวเองสามารถขโมยเหรียญ พร้อมทั้งเขียน Smart contract ปลอม ๆ ขึ้นใหม่ หรืออาจดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนด้วยการปั่นกระแสคริปโทฯ เพื่อสร้างความสนใจจากสื่อต่าง ๆ ให้เป็นกระบอกเสียงในการประชาสัมพันธ์โปรเจกต์ เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้ว นักพัฒนาก็จะดึงสภาพคล่องหรือขโมยเหรียญออกจากระบบโดยไม่บอกนักลงทุนล่วงหน้านั่นเอง

นอกจากนี้ พวกโจรขโมยเหรียญ (Scammer) อาจแอบสร้างโทเคนปลอม ๆ เอาไว้ เพื่อดึงดูดความสนใจให้คนเข้ามาลงทุนกับกับโปรเจกต์เหรียญที่พวกเขาสร้างมากขึ้นในโปรเจกต์ที่เป็น DeFi ได้อีกด้วย เพราะเป็นคริปโทฯ ประเภทที่สามารถลงทุนได้อย่างอิสระ

2. Soft Rug Pull — ขโมยเหรียญทีละส่วน โดยไม่ให้นักลงทุนรู้ตัว

นักพัฒนาสร้างกระเป๋า (Address) ขึ้นใหม่ เพื่อเอาไว้ผลิตเหรียญของตัวเองแล้วค่อยๆ ทยอยขาย หรืออาจเทขายในปริมาณมาก ๆ ในคราวเดียว ซึ่งวิธีนี้จะส่งผลให้มูลค่าของคริปโตร่วงลง แถมนักลงทุนยังอาจสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ต่างจาก Hard rug pull ที่นักลงทุนโดนขโมยเหรียญไปในเวลาเพียงเสี้ยวนาที

ใคร ๆ ก็โดน Rug Pull ได้ ถ้าไม่เข้าใจ Smart Contract

แน่นอนว่าการขโมยเหรียญดิจิทัลอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนทั่วโลก เพราะมีเหตุการณ์ที่เจ้าของโปรเจกต์เทขายคริปโทฯ หรือปิดแพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์หนีไป ถ้าคุณเป็นแฟนคริปโทเคอร์เรนซีตัวยงก็อาจเคยเห็นข่าวการ Rug pull ของเหรียญ Squid ที่เคยเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งจากความโด่งดังของซีรีย์เกาหลีที่ใช่ชื่อเดียวกัน ซึ่งเป็นการฉ้อโกงสุดอื้อฉาวในวงการคริปโทฯ ภายในชั่วข้ามคืน

เหตุเริ่มจากการสร้างเหรียญ Squid ในตลาด DeFi โดยเกาะกระแสซีรีย์เกาหลีเรื่อง Squid Game ที่กำลังดังในช่วงเวลานั้น เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาลงทุนกันเยอะ ๆ ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการดึงดูความสนใจจากสื่อทั่วโลก และสามารถทำกำไรจากเหรียญนี้ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครรู้ว่าจะโดนหลอกให้เข้ามาซื้อเหรียญ แต่ไม่สามารถขายเหรียญได้บนแพลตฟอร์ม PancakeSwap ซึ่งเป็น DEXs ที่ไม่มีตัวกลางควบคุม

นอกจากนี้ Whitepaper ของเหรียญ Squid ได้มีการระบุเกี่ยวกับเงื่อนไขการขายเหรียญที่ป้องกันไม่ให้มูลค่าของเหรียญตกลง แต่ความจริงแล้วเป็นเงื่อนไขที่ผู้พัฒนาเขียนไว้เพื่อเอื้อผลประโยชน์ที่จะ Rug pull ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้ร่วมลงทุนก็ไม่สามารถขายเหรียญนี้ได้ และคิดความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 7,570,000 บาท

เช็กลิสต์ลดความเสี่ยงก่อนโดน Rug Pull

คุณสามารถสังเกตความเป็นไปได้ที่อาจโดน Rug pull โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจกราฟคริปโตย้อนหลังให้ดี ๆ ว่าเหรียญที่คุณลงทุนไปมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้าเห็นว่ามูลค่าของเหรียญเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป โดยเฉพาะคริปโทฯ ที่ถูกปั่นกระแสจนติดเทรนด์ล่อให้เหล่าแมงเม่าเข้ามาลงทุนกันเยอะๆ ก็อาจต้องระวังตัวหน่อย โดยเบื้องต้นสามารถตรวจสอบความผิดปกติของโปรเจกต์ก่อนการลงทุนได้ตามลิสท์ด้านล่างนี้

-ตรวจสอบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์หรือการพัฒนาเหรียญคริปโทฯ ว่าเป็นบุคคลนิรนามหรือไม่

-โปรเจกต์มีสภาพคล่องต่ำและขาดความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ปั่นราคาคริปโทฯ ได้ง่าย

-ข้อตกลงที่ร่างใน Contract ดูไม่เรียบร้อย ไม่เป็นทางการ และไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้

-ไม่มีผู้ตรวจสอบบัญชีคริปโทฯ ซึ่งพบได้บ่อยจาก Decentralized Exchange ที่โดน Rug pull เพราะใครที่ไหนก็สามารถสร้างเหรียญใหม่ขึ้นมาได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลย

-เช็กโค้ดของโปรเจกต์คริปโทฯ ที่คุณสนใจลงทุน ลองตรวจดูว่าโค้ดที่เขียนนั้นมีช่องโหว่อะไรที่อาจทำให้คุณเสี่ยงโดน Rug pull ซึ่งวิธีนี้คนทั่วไปอาจต้องพึ่งนักพัฒนาให้เข้ามาช่วยดูอย่างละเอียด

นอกจากนี้ การปั่นเทรนด์คริปโทฯ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและสื่อต่าง ๆ ก็ส่งผลกับการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน อย่างโพสการให้ความเห็นเกี่ยวกับคริปโทฯ ของเหล่าเซเลบริตี้ นักลงทุนชื่อดัง และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เช่น การทวิตข้อความบน Twitter ของ อีลอน มัสก์ ที่มีส่วนกระตุ้นมูลค่าของเหรียญ Dogecoin (DOGE) เพิ่มขึ้น 800% ภายในเวลาสั้น ๆ และเซเลบสาวสวย ปารีส ฮิลตัน ทายาทโรงแรมในเครือฮิลตันที่ให้ความสนใจกับคริปโทเคอร์เรนซี, NFT และ Metaverse ออกสื่ออยู่บ่อย ๆ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการให้ความเห็นเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของคนดังนั้นมีผลกับการผันผวนของตลาด ต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่ส่วนมากมักอิงกับเศรษฐกิจและการเมืองมากกว่า นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นทั้งสเน่ห์และความท้าทายของการเทรดเหรียญดิจิทัล โดยรวมแล้วยังเป็นตลาดที่น่าจับตามองและยังมีอนาคตไกล

เรียนรู้อะไรจาก Rug pull

ใครจะรู้ว่าการตัดสินใจลงทุนโดยไม่ตรวจสอบที่มาที่ไปของโปรเจกต์ให้ดีก่อนนั้นอาจนำพาหายนะมาให้คุณอย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้ามองในแง่บวก ประสบการณ์ Rug pull ถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับนักเทรดคริปโทฯ เลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นตลาดที่ปราบเซียนนักลงทุนเก่งๆ อีกด้วย เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความผันผวนสูงมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่คนทั่วไปคุ้นเคย มาดูกันว่าเราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง

-ควรตรวจสอบที่มาที่ไปของโปรเจกต์ก่อนลงทุนเสมอ

-ศึกษาและทำความเข้าใจตลาดก่อนลงทุน

-เริ่มลงทุนทีละน้อย เพื่อลดความเสี่ยงโดน Rug pull

-ทำความเข้าใจพฤติกรรมของคนที่ร่วมลงทุนกับเรา ควบคู่กับการอ่านกราฟคริปโทฯ

-ไม่ปล่อยให้กระแสของสื่อต่าง ๆ ที่ถูกปั่นมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจลงทุน

-กระจายความเสี่ยงในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ควรทุ่มเงินไปกับเหรียญใดเหรียญเดียว

การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน มาเรียนรู้เรื่อง บิทคอยน์ (Bitcoin) และ Cryptocurrency ที่น่าสนใจก่อนเริ่มลงทุนได้แล้ววันนี้ ที่ Bitkub Blog

— — — — — — — — -

คำเตือน:

* คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

** สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

*** ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

ที่มา:

Medium

ผู้เขียน: Preeyapa Taweewikyagan | 21 ต.ค. 65 | อ่าน: 4,698
บทความล่าสุด