บทความ

ตอบทุกคำถามว่าการขุด Bitcoin คืออะไร ?

image

ทำความเข้าใจในวิธีการขุด Bitcoin ทุกรูปแบบ พร้อมตอบคำถามว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนให้คุณได้มากแค่ไหน ? ดูเลยก่อนใครที่นี่

ตอบทุกคำถามว่าการขุด Bitcoin คืออะไร และทำให้รวยได้จริงหรือ?

‘ขุด Bitcoin’ หนึ่งในเทรนด์มาแรงที่จับคู่กับคำถามที่ว่า ‘Bitcoin คืออะไร’ นั่นก็เพราะคนที่อยากเข้ามาลงทุนในวงการคริปโตเคอร์เรนซี่ล้วนต้องการเข้าใจในเหรียญดิจิทัล BTC ว่าจะหาได้จากที่ไหน และคุ้มไหมหากตัดสินใจขุดบิทคอยน์ช่วงนี้ มาร่วมเคลียร์ทุกข้อสงสัยของคุณให้กระจ่างไปด้วยกัน

การขุด Bitcoin คืออะไร?

การขุด Bitcoin คือ การใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและแก้ไขสมการตัวเลข เพื่อรับสิทธิ์การยืนยันธุรกรรมและเพิ่มบล็อกข้อมูลใหม่ลงไปใน Blockchain ของบิทคอยน์ โดยผู้ที่แก้สมการได้ก่อนจะได้เหรียญ BTC ที่เพิ่งขุดพบเป็นรางวัลตอบแทน

นอกจากนี้ การขุดบิทคอยน์ยังมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า Proof of work (การพิสูจน์ด้วยการลงแรง) อธิบายง่ายๆ คือการที่บรรดา นักขุด Bitcoin (Miner) เข้ามาแข่งกันแก้ไขสมการบนเครือข่ายบล็อกเชน อย่าง Bitcoin, Ethereum และ Dogecoin โดยนักขุดทุกคนที่อยู่ในบล็อกเชนบิทคอยน์จะได้รับ 2 หน้าที่สำคัญ ได้แก่

1.ตรวจสอบธุรกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้นักขุดรายอื่นทำการทุจริตใดๆ บนเครือข่ายบล็อกเชน

2.สร้างเหรียญ Bitcoin ใหม่ เพื่อเป็นรางวัลให้กับนักขุดที่สามารถแก้ไขสมการได้ และเป็นการเพิ่มจำนวนเหรียญ BTC เข้าสู่ระบบบล็อกเชน

จริงๆ แล้วการขุด Bitcoin ก็คล้ายกับการขุดทอง แต่เปลี่ยนจากชาวเหมืองที่ใช้เครื่องจักร มาเป็นนักขุดที่ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและนำเหรียญเข้าสู่ระบบไปพร้อมกัน

ขุด Bitcoin ต้องเริ่มยังไง?

เมื่อเข้าใจว่าการขุด Bitcoin คืออะไรแล้ว ก็มาดูกันต่อว่าถ้าอยากเริ่มขุดหาบิทคอยน์เป็นของตัวเอง จะต้องมีอุปกรณ์หรืออะไรบ้างที่ใช้ในการขุด ซึ่งสิ่งที่นักขุดเหรียญบิทคอยน์ควรรู้มีดังนี้

1.เครื่องขุด Bitcoin ประกอบเอง

คุณคือเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่ทุ่มสุดตัวกับการ์ดจอระดับ Hi-end หรือเปล่า? ถ้าใช่ก็ขอบอกว่าคุณควรเตรียมกดเงินเพื่อมาซื้อการ์ดจอ รวมถึงชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่จะรวมร่างกลายเป็น เครื่องขุด Bitcoin แบบประกอบเอง โดยมีชิ้นส่วนสำคัญ ดังนี้

-GPU (การ์ดจอ)

GPU คือหน่วยประมวลผลภาพ หรือการ์ดจอที่ชาวเกมเมอร์รู้จักกันดี สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญในการขุดบิทคอยน์มากที่สุด เพราะยิ่งการ์ดจอมีความแรงมากเท่าไร Hashrate ก็ยิ่งมากเท่านั้น

-CPU, Mainboard, RAM, Hard Disk และ PSU

CPU เลือกแบบไม่ต้องแพงและแรงมาก เช่นเดียวกับ Mainboard, RAM และ Hard Disk แต่เน้นความทนทานต่อการใช้งานเป็นเวลานานจะดีที่สุด ส่วน PSU หรือ Power Suply Unit เราขอแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีประสิทธิภาพจ่ายไฟสูงและมีเสถียรภาพ เพราะการขุด Bitcoin จะใช้ไฟเป็นจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา

-โปรแกรมขุด

เมื่อประกอบเครื่องขุด Bitcoin ของคุณจนสามารถรันระบบปฏิบัติการ Windows ได้สมบูรณ์แล้ว ก็ลงโปรแกรมขุด Bitcoin เช่น CG Miner, BFGMiner, Easyminer และ Awesome Miner เพื่อใช้ขุดบิทคอยน์ได้เลย

2.เครื่องขุด Bitcoin สำเร็จรูป

สำหรับใครที่อยากอัพระดับในการขุดบิทคอยน์ ก็ลองหาซื้อ เครื่องขุด Bitcoin สำเร็จรูป ที่เรียกว่า ASIC มาไว้ขุดเหรียญ BTC แบบจริงจังดูได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนการขุดที่สูงขึ้นตามประสิทธิภาพ เพราะคุณต้องเตรียมจ่ายทั้งค่าไฟที่สูงขึ้นตามกำลังไฟที่คุณใช้ไปกับอุปกรณ์ขุด

3.เครื่องขุด Bitcoin แบบเช่า

หากคุณไม่อยากประกอบเครื่องขุดเอง เพราะไม่มีเงินทุนและสถานที่วางเครื่องขุดใหญ่ๆ ล่ะก็ เครื่องขุดบิทคอยน์แบบเช่า หรือ Cloud Mining คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณขุดเหรียญได้แบบไม่ยุ่งยาก เพียงคุณจ่ายค่าจ้างเว็บผู้ให้บริการรับขุด Bitcoin ออนไลน์ ซึ่งมีแพ็คเกจไว้ให้เลือกหลายราคา ก็เตรียมรอรับเหรียญ BTC เข้าสู่กระเป๋า Bitcoin ได้เลย

ขุด Bitcoin ยังไงให้ได้เหรียญ BTC เยอะขึ้น?

เรามีเคล็ด (ไม่) ลับสำหรับนักขุดสายสร้างอุปกรณ์เอง ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้คุณสามารถขุด Bitcoin ได้มากขึ้น โดยแปรผันกับความแรงของการ์ดจอที่คุณนำมาประกอบเครื่องขุด และมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

-ยิ่งมีการ์ดจอแรง Hashrate ก็ยิ่งสูง

การ์ดจอรุ่นใหม่ที่มีหน่วยประมวลผลสุดแรงกับหน่วยความจำในตัวสูงๆ จะมีค่า Hashrate (หน่วยวัดกำลังการขุดของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘แรงขุด’ มากกว่าการ์ดจอรุ่นเก่าและสเปคต่ำกว่า จึงเป็นที่มาของคำตอบว่า ทำไมเกมเมอร์ถึงไม่สามารถหาการ์ดจอตัวแรงๆ ได้ในช่วงนี้ นั่นก็เพราะนักขุดบิทคอยน์พากันกว้านซื้อจนราคาพุ่งสูงขึ้นยังไงล่ะ

ขุด Bitcoin แล้วจะรวยได้จริงหรือ?

ก่อนอื่นนั้นมาดูกันว่ามีอะไรที่ต้องจ่าย เพื่อเป็นนักขุดบิทคอยน์ขั้นเทพบ้าง

-ค่าเครื่องขุด Bitcoin ต่อ 1 ชุด ที่คิดเป็นเงินจำนวนหลักแสนบาท

-ค่าไฟฟ้า ที่เผลอๆ คุณอาจต้องไปทำเรื่องขอเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และยิ่งเครื่องขุดของคุณมีกำลังขุดสูงมากเท่าไร โอกาสคืนทุนก็ยิ่งไวขึ้นเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าค่าไฟก็พุ่งสูงตามไปด้วย

-Halving (การลดผลตอบแทนของการขุด Bitcoin ลงครึ่งหนึ่ง) โดยในยุคเริ่มต้นของการขุดบิทคอยน์ ผลตอบแทนการขุดสูงถึง 50 BTC ต่อ 1 บล็อก แต่ปัจจุบันมีการเกิด Halving ครั้งที่ 3 ในปี 2020 ทำให้ผลตอบแทนเหลือเพียง 6.25 BTC ต่อ 1 บล็อก จึงทำให้คุณจะต้องใช้การประมวลผลและกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่กลับได้ BTC จำนวนน้อยลง

-ความผันผวนของราคาเหรียญ BTC ที่มีการขึ้น-ลงอย่างมากในเวลาสั้นๆ นั่นหมายความว่าโอกาสที่คุณขุดบิทคอยน์แล้วได้ทุนคืนช้า หรืออาจขาดทุนจากการขายเหรียญ BTC ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นกัน

เราเชื่อว่าคุณคงมีคำตอบในใจเกี่ยวกับการขุด Bitcoin เป็นของตัวเองอยู่แล้ว อย่าลืมคิดให้รอบคอบและใช้สติประกอบกับเหตุผลทุกครั้งในการตัดสินใจ เพราะคุณมีสิทธิ์รวยและขาดทุนจากการลงทุนใน BTC ได้ตลอด ดังนั้น ขอให้ทุกคนโชคดีกับการตัดสินใจ

สำหรับใครที่กำลังมองหาโอกาสลงทุนใน Bitcoin แทนการขุดด้วยตัวเอง ลองให้ Bitkub แพลตฟอร์มให้บริการซื้อ-ขาย Cryptocurrency ชั้นนำของไทยเป็นตัวช่วย ที่พร้อมให้คุณเทรดบิทคอยน์ได้อย่างปลอดภัยผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา:

Medium

ผู้เขียน: Waranyu Suknantee | 04 ม.ค. 65 | อ่าน: 80,195
บทความล่าสุด