บทความ
รวมข่าวคริปโตรายสัปดาห์: Elon Musk ยกเลิกดีล Twitter, เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าที่คาด
เรารวบรวมข่าวเด่นในวงการคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาให้อ่านกันที่นี่แล้ว ไปดูกันเลย!
*เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการนำข่าวสารย้อนหลังตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศมาเรียบเรียงและสรุปให้เข้าใจง่าย ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด
===================
1.Elon Musk ยกเลิกดีล Twitter
เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน Elon Musk ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดอีกครั้ง โดยประกาศยกเลิกดีลมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อบริษัท Twitter พร้อมให้เหตุผลว่าทีมบริหารของ Twitter ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับจำนวนบัญชีที่เป็นสแปมและบัญชีปลอม หลังจาก Elon ได้เรียกร้องข้อมูลดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน
ขณะที่ทางฝั่ง Twitter ล่าสุดพวกเขาได้ยื่นฟ้องร้อง Elon Musk เพื่อบังคับให้เขาต้องดำเนินการซื้อหุ้นของบริษัทตามที่เคยตกลงกันไว้ ซึ่งจำเป็นต้องไปไกล่เกลี่ยกันในศาลเป็นลำดับต่อไป
ที่มา Cointelegraph, The Wall Street Journal
===================
2.สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในช่วงสัปดาห์นี้ มีประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ หรือ Consumer price index ประจำเดือน มิ.ย. ออกมาที่ 9.1% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ที่ 8.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 หรือในรอบ 40 ปี
การประกาศตัวเลขดังกล่าวเป็นการตอกย้ำโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป โดยตลาดคาดว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 1.0% จึงกดดันให้นักลงทุนพากันขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ราคาลดลงอย่างมากหลังการประกาศตัวเลขดังกล่าว
ที่มา CNBC
===================
3.นักลงทุนมีมุมมองที่ดีขึ้นกับ Ethereum ก่อน The Merge
รายงานกระแสเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ โดย CoinShares แสดงให้เห็นว่าผลิตภันฑ์ที่เกี่ยวกับ Ethereum สำหรับนักลงทุนระดับสถาบัน มีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว โดยมีมูลค่าเข้ามาเพิ่มขึ้นถึง 7.6 ล้านดอลลาร์ กลับกัน ผลิตภันฑ์เกี่ยวกับ Bitcoin กลับมีเม็ดเงินไหลออก 1.7 ล้านดอลลาร์
ทาง CoinShares ได้วิเคราะห์ว่า “สิ่งนี้สะท้อนถึงมุมมองที่มีต่อ Ethereum ที่เริ่มกลับมาเป็นบวกบ้างแล้ว หลังจากเม็ดเงินไหลออกติดต่อกันถึง 11 สัปดาห์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่มุมมองที่เปลี่ยนไปนี้จะเกี่ยวข้องกับ The Merge ที่ถูกคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2022 นี้”
ที่มา Cointelegraph
===================
4.ราคาการ์ดจอทั่วโลกถูกลง 15% ท่ามกลางราคาคริปโทฯ ที่ลดลง
ท่ามกลางราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับรายได้ของเหล่านักขุดที่ทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ส่งผลให้ความต้องการการ์ดจอ (GPU) ทั่วโลกลดน้อยลง และทำให้ราคาถูกลงโดยเฉพาะในเดือน พ.ค. ที่ถูกลงไปกว่า 15% โดยประมาณ
ทาง Cointelegraph วิเคราะห์ว่าสิ่งที่อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักขุดรายย่อยที่ต้องอุปกรณ์ขุดที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และอาจเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระด้านค่าใช้จ่ายให้กับนักขุดรายใหญ่ ๆ ให้สามารถผ่านช่วงปรับฐานของตลาดคริปโทฯ ไปได้
ที่มา Cointelegraph
===================
5.กลุ่ม G20 เล็งเสนอนโยบายคริปโทฯ แบบใช้ทั่วโลกเดือน ต.ค. นี้
คณะกรรมการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน หรือ The Financial Stability Board (FSB) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลความมั่นคงทางการเงินให้กับกลุ่มประเทศ G20 กำลังร่างนโยบายควบคุมคริปโทเคอร์เรนซีและ Stablecoin โดยมีแผนจะเผยรายละเอียดต่อประเทศสมาชิกภายในเดือน ต.ค. นี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีแรงกระตุ้นมาจากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของตลาดคริปโทฯ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม จึงเกิดความกังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทฯ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะการลงทุนหรือการเก็งกำไรระยะสั้น จึงจำเป็นต้องมีกำกับดูแลภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
ที่มา Cointelegraph
===================
6.Celcius เผยมีหนี้สินถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์
จากเอกสารที่ใช้ยื่นล้มละลายของ Celsius บริษัทที่ให้บริการกู้ยืมคริปโทฯ พบว่าบริษัทติดหนี้ลูกค้าที่ให้กู้ยืมเงินอยู่ทั้งหมด 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่บริษัทกลับมีทรัพย์สินอยู่เพียงแค่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะนับรวมทรัพย์สินได้คืนจากการชำระหนี้ให้กับ DeFi อย่าง Maker, Aave, และ Compound แล้วก็ตาม หมายความว่าบริษัทมีหนี้สินถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์และอาจไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ทั้งหมดได้
Celsius เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตสภาพคล่องของตลาดคริปโทฯ และหลังจากการยื่นเอกสารดังกล่าว ทาง FTX ก็ดูเหมือนจะยกเลิกข้อเสนอควบกิจการของบริษัท Celsius ไปแล้ว
ที่มา Coindesk
===================
7.Tencent ประกาศปิดตัวแพลตฟอร์ม NFT เนื่องจากการคุมเข้มของรัฐบาลจีน
บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนอย่าง Tencent ประกาศหยุดให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับ NFT 1 ใน 2 แพลตฟอร์มของพวกเขา เนื่องจากยอดซื้อขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายคุมเข้มเกี่ยวกับการสินทรัพย์ NFT ที่ออกโดยรัฐบาลจีน
Cointelegraph รายงานว่าสาเหตุหลักมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ห้ามผู้ซื้อนำ NFT ไปขายต่อเป็นการส่วนตัว จึงเป็นการปิดโอกาสสำหรับเก็งกำไรและทำให้แพลตฟอร์ม NFT ได้รับความนิยมน้อยลงในประเทศจีน
ที่มา Cointelegraph
===================
ติดตามบทความ ข่าวสาร และความรู้ที่น่าสนใจในวงการคริปโตได้ที่ Bitkub Academy
เปิดบัญชีและเริ่มลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีกับ Bitkub Exchange เลย: https://www.bitkub.com/signup
*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน
ที่มา:
Medium