บทความ

รวมข่าวรายสัปดาห์ ETH ทำระดับสูงสุดใหม่, Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta

image

รวมข่าวเด่นในวงการคริปโตตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย!

*เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการนำข่าวสารย้อนหลังตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศมาเรียบเรียงและสรุปให้เข้าใจง่าย ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด

— — — — —

1.ETH ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังตลาดตอบรับข่าวการอัปเกรด Altair

image

ราคาเหรียญ Ether (ETH) ของ Ethereum ได้ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 4,400 ดอลลาร์

โดยทาง Cointelegraph ได้รายงานว่าการอัปเกรดเครือข่าย Altair Beacon Chain สำหรับ Ethereum 2.0 เริ่มต้นไปได้ด้วยดี โดยมีโหนดกว่า 98.7% ร่วมกันอัปเกรด ซึ่งการอัปเกรด Altair Beacon Chain ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะทำให้ Ethereum สามารถเปลี่ยนไปใช้ระบบ Proof-of-Stake ใน Ethereum 2.0 ได้อย่างราบรื่น

อีกปัจจัยที่สนับสนุนราคา ETH มาจากกระแสความนิยมใน DeFi และ NFT ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย ทำให้มูลค่าของ ETH สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนก็คาดการณ์ภาพรวมในปีหน้าสำหรับ ETH ไว้ในทิศทางที่ค่อนข้างสดใสเช่นกัน

Ethereum hits new ATH after Altair upgrade shows clear path to the merge

The price of ETH has been on a bullish tear recently. After dropping to around $1,780 on July 21 it has since gained 147% to sit at around $4,400.

Cointelegraph reported yesterday that the Ethereum 2.0 Altair Beacon Chain update had a successful start, with 98.7% of nodes upgraded at the time. A successful Altair upgrade to the Beacon Chain was seen as an important factor clearing the way to the merge with the Ethereum mainnet and the transition to a proof-of-stake (PoS) consensus mechanism in Ethereum 2.0.

Ethereum’s success is also being driven by the platform’s use in the booming decentralized finance (DeFi) and nonfungible token (NFT) sectors. They highlight ongoing rising demand for Ether in the future, thus ensuring additional tailwinds to its bullish outlook in Q4 2021 and possibly into 2022.

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

2.Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta มุ่งหน้าผลักดัน Metaverse

image

Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างบริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ครูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Metaverse ซึ่งเป็นการรวมโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน

โดยทาง Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ได้ประกาศในการประชุม Facebook Connect ว่าการเปลี่ยนชื่อบริษัทครั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัทฯที่ก้าวไกลไปกว่าโซเชียลมีเดียแล้ว ต่อจากนี้บริษัท Meta จะมุ่งมั่นพัฒนา Metaverse ที่เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนเมื่อไม่นานมานี้มากขึ้น เนื่องจากการมาของเทคโนโลยีบล็อกเชน

ขณะที่ทาง Vishal Shah กล่าวว่าเป้าหมายของบริษัทฯคือการทำให้เหล่า Content Creators สามารถสร้างธุรกิจขึ้นบน Metaverse ให้ได้มากที่สุด โดยจะนำเทคโนโลยี NFT เข้ามาใช้เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถซื้อขายสินค้าทั้งแบบจับต้องได้และแบบดิจิทัลได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

Facebook rebrands to Meta as focus expands beyond social media

Facebook Inc. announced Thursday that it has changed its company name to Meta — marking the first major rebrand for the social media giant.

The name change, which reflects the company’s growing ambitions beyond social media, was unveiled by CEO Mark Zuckerberg at the Facebook Connect conference. An accompanying news release laid out the company’s vision for creating a “metaverse” that connects online social experiences and the physical world.

Facebook’s head of metaverse products, Vishal Shah, said the company’s goal is to “provide a way for as many creators as possible to build a business in the metaverse.” He further explained:

Shah said that businesses in the metaverse will be able to sell physical and digital goods, as well as experiences and services. They will have access to the social network’s ad services to promote their products and reach new audiences.

In describing “new types of ownership models,” Shah specifically mentioned nonfungible tokens, or NFTs. The new Meta platform will “make it easier for people to sell limited education digital objects like NFTs, display them in their digital spaces and even resell them to the next person securely.”

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

3.MicroStrategy ซื้อ Bitcoin เพิ่ม 9,000 เหรียญในไตรมาสก่อน มีมูลค่ารวมแล้วกว่า 7 พันล้านดอลลาร์

image

รายงานจาก MicroStrategy ได้เปิดเผยว่าทางบริษัทฯได้ซื้อ Bitcoin เพื่อถือครองเพิ่มในไตรมาสที่ 3 รวมกันเกือบ 9,000 เหรียญ ทำให้ Bitcoin ที่ทางบริษัทฯถือมีมูลค่ารวมกันประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทางด้าน CEO อย่างนาย Michael Saylor ยังได้เปิดเผยว่ายังมีกลยุทธ์ที่จะเข้าซื้อ BTC เพิ่มอีก พร้อมประกาศว่า MicroStrategy ได้กลายเป็นบริษัทมหาชนที่ถือ Bitcoin สูงที่สุดในโลก โดยมีการถือ Bitcoin รวมมากกว่า 114,000 เหรียญ

MicroStrategy added 9,000 BTC last quarter, its stash is now worth $7 billion

MicroStrategy added almost 9,000 Bitcoin to its holdings in Q3, bringing its total BTC stash to a valuation of around $7 billion.

The company highlighted the purchase of 8,957 BTC in its Q3 report on Oct. 28, with the firm’s perma-bull CEO Michael Saylor stating that there is more BTC accumulation to come:

“Today, MicroStrategy is the world’s largest publicly traded corporate owner of Bitcoin with over 114,000 Bitcoins. We will continue to evaluate opportunities to raise additional capital to execute on our Bitcoin strategy.”

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

4.ตำแหน่งงานเกี่ยวกับคริปโทฯ บล็อกเชน เติบโตกว่า 615%

image

LinkedIn ที่เป็นโซเชียลมีเดียที่เน้นด้านการจ้างงาน ได้รายงานว่าปริมาณความต้องการจ้างงานในตำแหน่งเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนเติบโตกว่า 615% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2020

โดย Devin Banerjee บรรณาธิการของ LinkedIn ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อมูลจากการโพสตำแหน่งงานที่มีคำว่า “blockchain” หรือ “crypto” และอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งหมายความบริษัทส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนมากขึ้น โดยมี J.P. Morgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการจ้างงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุด

นอกจากนี้ ทาง LinkedIn ยังคาดการณ์ว่าบรรดาบริษัทด้านการเงินจะเพิ่มการจ้างงานในตำแหน่งเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2015 ขณะที่ตำแหน่งงานที่ทาง J.P. Morgan เป็นผู้โพสในเดือนกรกฎาคม มีตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับโปรเจกต์พัฒนาบล็อกเชนในระดับโลกกว่า 30 ตำแหน่งด้วยเช่นกัน

LinkedIn reports crypto and blockchain job listings have surged 615% since August 2020

Online employment-oriented platform LinkedIn has reported that demand for employees with experience in crypto or blockchain is on the rise across many companies.

According to a Wednesday report from LinkedIn editor Devin Banerjee, data from the platform’s Economic Graph team shows job postings in the United States that included terms like “blockchain” or “crypto” grew 615% compared to those in August 2020. The data shows that while many jobs with companies already focused on crypto and blockchain contributed to this rise, traditional financial institution J.P. Morgan was among the top employers for roles in the digital asset space.

The LinkedIn team added that financial services firms were expected to hire more than three times as many staff with experience in digital assets than in 2015. J.P. Morgan’s job postings as of July included positions focusing on its global blockchain development efforts — blockchain-focused software developers, engineers, marketers and auditors. The company posted more than 30 openings for its operations in the U.S. in a single week.

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

5.Mastercard กำลังเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเชื่อมต่อ CBDCs

image

Michael Miebach CEO ของ Mastercard ได้กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยมีเนื้อหาสำคัญว่าบริษัทฯพบว่าลูกค้ามีการใช้บัตร Mastercard เพื่อซื้อคริปโทเคอร์เรนซีกันมากขึ้นอย่างนัยสำคัญ นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้จับมือกับบริษัทพาร์ตเนอร์ที่ทำกิจการเกี่ยวกับคริปโทฯด้วยเช่นกัน

ขณะที่เรื่องของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ทางบริษัทฯมองว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงคริปโทเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทฯจะเตรียมระบบให้สามารถรองรับการชำระเงินด้วย CBDC ควบคู่ไปกับสกุลเงิน Fiat เมื่อรัฐบาลของแต่ละประเทศพร้อม

Mastercard is preparing its infrastructure for the deployment of CBDCs

During an earnings call with investors and stakeholders, Michael Miebach, CEO of Mastercard, discussed his positive outlook on the cryptocurrency industry. The company has not only seen sizable volume growth in consumers using their Mastercards to purchase crypto but has also secured several partnerships with cryptocurrency firms. But Miebach’s most ambitious viewpoint emerged during a discussion regarding central bank digital currencies, or CBDCs, saying:

“We are saying at this point in time, the most likely chance for this kind of technology to work for payments is if it’s issued through a government in the form of a CBDC. We said that on a couple of calls before, and we said that we will make our network ready to do that as and when a government is ready to put out a CBDC that will exist alongside the dollar or the euro as a settlement currency in our network.”

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

6.ปริมาณซื้อขาย Litecoin เพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุด หลังเปิดตัว LTC Visa Debit card

image

หลังจาก Litecoin Foundation ได้ทวีตเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทฟินเทคชื่อ Unbanked เพื่อออกบัตร LTC Visa Debit card จึงส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเหรียญ Litecoin (LTC) เพิ่มขึ้นเหนือกว่าระดับ 140,000 ครั้งเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากลงไปทำระดับต่ำแถว 100,000 ครั้งเมื่อต้นเดือนตุลาคม

โดยบัตร LTC Visa Debit card เป็นบัตรเสมือนที่ผู้ใช้ต้องสมัคร ยืนยันตัวตน (KYC) และเปิดบัญชี จากนั้นจึงเติม Litecoin เข้าไป ซึ่งสามารถใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ด้วย LTC กับร้านค้าที่รองรับ Visa ซึ่งทาง Litecoin Foundation คาดว่ามีจำนวนมากถึง 50 ล้านร้านค้า

Litecoin transactions near an all-time high after gaining ground in consumer finance

The number of Litecoin (LTC) transactions has rebounded to over 140,000 in recent days after falling close to the 100,000 mark in early October. Three days prior, the Litecoin Foundation tweeted about the launch of its LTC Visa Debit card, powered by fintech firm Unbanked.

According to the card’s homepage, potential customers would first register for a Litecoin card account, deposit LTC into a specific wallet address, pass a Know-Your-Customer check and receive a virtual Litecoin card. The service claims that the sign-up process takes less than five minutes.

The Litecoin card is meant to enable users to spend their LTC at all digital merchants that use Visa as their payment processor — a number the Litecoin Foundation estimates to be around 50 million.

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

7.เอลซัลวาดอร์ช้อนซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 420 เหรียญ

image

เมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Nayib Bukele ประธานาธิบดีของเอลซัลวาดอร์ ได้ทวีตข้อความว่ารัฐบาลได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 420 เหรียญ ซึ่งเป็นการช้อนซื้อช่วงที่ราคาลง โดยหลังจากทวีตข้อความดังกล่าว ราคา Bitcoin ในเอลซัลวาดอร์ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาประมาณ 0.4%

ทั้งนี้ Bitcoin ทั้ง 420 เหรียญที่รัฐบาลซื้อ มีมูลค่าประมาณ 24.6 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ประเทศมีการถือ Bitcoin รวมกันถึง 1,120 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 87.4 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ยเหรียญละ 53,300 ดอลลาร์

El Salvador buys a smokin’ hot 420 more Bitcoin

Salvadoran President Nayib Bukele tweeted earlier on Thursday that his government has taken advantage of the recent Bitcoin (BTC) price drop and added 420 additional BTC to the nation’s stash.

Shortly after, he tweeted, “We’re already making a profit off the #bitcoin we just bought.” During the time between the tweets, the value of the country’s Bitcoin grew by around 0.4% or $100,000.

The value of 420 BTC is about $24.6 million. The purchase brings the country’s total amount of Bitcoin to 1,120 BTC, which is worth about $87.4 million. The country has an estimated average purchase price of just above $53,300.

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

8.Hash Rate ของ Bitcoin กลับมาสู่ระดับเดิมก่อนจีนแบนคริปโทฯ

image

หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศแบนการขุด Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศ ได้ส่งผลให้อัตรา Hash rate ของการขุด Bitcoin ร่วงลงไปกว่า 50% ปีนี้ แต่ข้อมูลล่าสุดจาก Blockchain.com ได้แสดงให้เห็นว่าอัตรา Hash rate ของ Bitcoin ได้ฟื้นกลัวขึ้นสู่ระดับเดิมก่อนรัฐบาลจีนสั่งแบนแล้ว

ทางด้านอัตราความยากในการขุด Bitcoin ก็ถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5.7% ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้ Bitcoin มีอัตราความยากในการขุดเพิ่มขึ้นติดต่อกันถึง 8 ครั้ง นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018

New Bitcoin hash rate highs remove any trace of China mining ban

Bitcoin (BTC) has all but deleted any trace of the mining ban, which saw its hash rate dive 50% this year.

According to the latest estimates, the network hash rate is now back at levels from May, just before China outlawed its Bitcoin mining industry.

While impossible to measure in definitive terms, the hash rate has seemingly accounted for the entire China debacle, doubling from its bottom several months ago.

Likewise, the mining difficulty is set to increase by 5.7% next week, bringing it to within 4 trillion of its 25 trillion record high.

Not only that, but Bitcoin will seal an eighth-straight difficulty increase — the first time such an event has occurred since 2018.

ที่มา Cointelegraph

— — — — —

ติดตามบทความ ข่าวสาร และความรู้ที่น่าสนใจในวงการคริปโตได้ที่ Bitkub Academy

เทรดเหรียญคริปโตที่คุณชื่นชอบได้ที่ https://onelink.bitkub.com/aHvr/basignup

*การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุน

ที่มา:

Medium

ผู้เขียน: Waranyu Suknantee | 05 ม.ค. 65 | อ่าน: 7,091
บทความล่าสุด