บทความ

12 รหัสลับของกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นสำคัญไฉน

image

Crypto Wallet คืออะไร

สำหรับสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ แล้ว Crypto Wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นเปรียบเสมือน “กระเป๋าเงิน” ที่ใช้สำหรับเก็บธนบัตรหรือเงินต่างๆ ในชีวิตจริงของเรานั่นเอง สำหรับในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว กระเป๋าเงินแรกๆ ที่ผู้ใช้มักคุ้นหูคุ้นตามากที่สุดนั่นคือ

“กระเป๋าเก็บเหรียญของตัวเองในบัญชีเว็บเทรดต่างๆ” ที่เวลาเราเข้าซื้อเหรียญหรือฝากเงินเข้าบัญชีเรา ก็ต้องนำบัญชีส่วนนี้มาเป็นที่จัดเก็บเบื้องต้นนั่นเอง

และหากใครที่ชอบลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมาสักระยะน่าจะเคยได้เห็นผ่านหูผ่านตากันมาบ้างว่า “Not your keys not your coins.” หรือแปลง่ายๆ ว่า “ถ้าเธอไม่ใช่เจ้าของรหัสน่ะ เธอก็ไม่ใช่เจ้าของเหรียญที่แท้จริงหรอก!” ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า เพราะสุดท้ายคนที่มีสิทธิ์ในการดูแลและจัดการเงินทั้งหมดจริงๆ ก็คือ “คนที่ถือ Key wallet หรือรหัสในการเข้าถึงเงินในกระเป๋า” นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณใช้เพียงแค่ Wallet ของกระดานเทรดต่างๆ นั่นก็เปรียบเสมือนว่ากรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก็ยังคงอยู่ที่กระดานเทรดเหล่านี้

12 คำรหัสลับคืออะไร

image

แล้วถ้าอยากให้เหรียญเป็นของเราอย่างแท้จริงล่ะ!? ก็เพียงแค่โยกย้ายสินทรัพย์เหล่านั้นเข้ามาเก็บในวอลเล็ตส่วนตัวเท่านั้นเอง ซึ่งในปัจจุบันวอลเล็ตเหล่านี้ก็มีหลากหลายรูปแบบ อาทิ Wallet Ledger, Paper Wallet, หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นต่างๆ

แม้ว่าแต่ละแอพอาจจะมีวิธีการเข้าถึงเพื่อเปิดวอลเล็ตแตกต่างกันบ้าง เช่น บางรูปแบบก็ต้องมีการตั้งรหัสเข้าระบบเอง หรือบางอันต้องมีการใช้ Wallet Ledger เชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงกระเป๋าอีกชั้นหนึ่ง

แต่สิ่งหนึ่งที่กระเป๋าทุกแบบต้องมีเลยก็คือ “รหัสการเข้ากระเป๋า 12 คำ” ซึ่งรหัสเหล่านี้เราจะได้รับหลังจากเริ่มมีการ “เปิดใช้งานกระเป๋าใหม่” ในครั้งแรกเท่านั้น ต้องจดคำเหล่านี้เก็บไว้ให้ดีและห้ามหายเป็นอันขาด! เพราะคำเหล่านี้จะเปรียบเสมือนสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่จะสามารถ Back up ข้อมูลและเงินของคุณออกมาได้ นั่นเท่ากับว่าการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณไว้ในวอลเล็ตส่วนตัวนั่นจะทำให้คุณอุ่นใจได้ว่าเงินนี้อยู่ในกำมือคุณจริงๆ แต่อีกแง่คือมันก็มาพร้อมความรับผิดชอบที่สูงลิ่วและพลาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะสูญเสียเงินก้อนนี้ไปแบบถาวร

การเก็บรักษารหัส 12 คำที่ดีมีอะไรบ้าง

⦁ การเปิดใช้วอลเล็ตครั้งแรกควรทำในสถานที่มิดชิดและอยู่เพียงลำพัง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของรหัส

⦁ หลีกเลี่ยงการจัดเก็บรหัสทั้งหมดไว้บนฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูลออนไลน์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงได้จากทั่วโลก

⦁ เขียนข้อมูลลงในกระดาษหรือแผ่นเหล็ก และเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเป็นสัดส่วน ในปัจจุบันมี “แผ่นเหล็กพร้อมที่สลักอักษร” ขายเป็นชุดสำหรับนักลงทุนสินทรัพย์โดยเฉพาะแล้ว

⦁ การจัดเก็บรหัสแยกเป็นหลายๆ ส่วน เช่น ส่วนแรก 6 คำเขียนเก็บไว้อีกที่หนึ่ง ส่วนท้ายอีก 6 คำเก็บไว้อีกที่หนึ่ง

⦁ หากหลีกเลี่ยงการจัดเก็บข้อมูลลงบนอุปกรย์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้จริงๆ ควรเลือกเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในอุปกรย์ที่ “ไม่ได้เชื่อมต่อออนไลน์” หรือมีการระบบการป้องกันพวกไวรัสและมัลแวร์อย่างแน่นหนา

ที่มา:

Medium

ผู้เขียน: Waranyu Suknantee | 16 ธ.ค. 64 | อ่าน: 8,046
บทความล่าสุด