บทความ

บริษัทระดับโลกใช้บล็อกเชนทำอะไร?

เมื่อกล่าวถึงบล็อกเชน หลายๆคนก็น่าจะนึกถึงเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) หรือเครือข่ายที่ข้อมูลไม่ได้ถูกเก็บไว้ที่ส่วนกลางเพียงส่วนเดียว ทำให้ปลอดภัยจากการแฮคโดยผู้ไม่หวังดี ซึ่งบล็อกเชนสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายมากๆ ไม่ใช่เรื่องของการเก็บข้อมูลหรือคริปโตเคอร์เรนซีเพียงอย่างเดียว ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆระดับโลก มีที่ไหนบ้างที่ใช้บล็อกเชน และพวกเค้าใช้ทำอะไรกัน

1.Microsoft

บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี Microsoft มีการใช้บล็อกเชนเข้ากับการบริการ Cloud Computing Service ชื่อว่า Azure Blockchain Service ซึ่งเป็นบริการในระดับองค์กรสำหรับบริษัทที่ต้องการผสานบล็อกเชนเข้ากับระบบการทำงานหรือ Workflow ของบริษัท

2.Facebook

อีกหนึ่งบริษัทที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี และแน่นอนว่าเมกะโปรเจ็คของพวกเขาที่ประยุกษ์ใช้บล็อกเชนก็คือ Libra ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีที่จะประสานเข้ากับแพลตฟอร์ม Social Media ของพวกเขานั่นเอง แม้ว่า ณ ปัจจุบันจะยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ทาง Facebook ก็ยังคงพัฒนาและปรับปรุงให้ Libra มีคุณสมบัติสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

3. Google

อีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของโลกอีกบริษัทหนึ่ง โดย Google ที่เป็นบริษัทภายใต้บริษัทแม่อย่าง Alphabet ได้ให้การสนับสนุนด้าน Infrastructure กับบริษัทด้านบล็อกเชนอย่าง Blockchain.com เพื่อช่วยบริหาร Database ทั้ง Wallet และ Explorer นอกจากนี้ยังมีการจับมือกับ Chainlink ที่เป็น Data Oracle เพื่อช่วยป้อนข้อมูลด้านราคา อัตราดอกเบี้ย และข้อมูลอื่นๆ เพื่อใช้กับการเขียน Smart Contract อีกด้วย

4.Walmart

หนึ่งในแฟรนไชส์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา พวกเขามีการใช้บล็อกเชนสำหรับการติดตามและตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าในเครือข่าย ซึ่งการใช้บล็อกเชนในส่วนนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าที่พวกเขาอุดหนุนไปเป็นสินค้าคุณภาพที่ผลิตจากแหล่งที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ

5.Shell

หนึ่งในบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกอย่าง Shell กำลังดำเนินงานร่วมกับ Sinochem Technologies และ Macquarie Group เพื่อสร้างเครือข่ายสำหรับการติดตามการซื้อขายน้ำมันโดยใช้บล็อกเชน เพื่อลดระยะเวลาและเอกสารที่ใช้ในกระบวนการซื้อขายน้ำมันแบบเดิมๆ

6.Tesla

หนึ่งในบริษัทของบุคคลที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งของโลก ณ ปัจจุบันอย่างนายอีลอน มักส์ โดย Tesla ใช้บล็อกเชนสำหรับการติดตามและตรวจสอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในโรงงาน Gigafactory ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้แบบ Real-time โดยบริษัทพาร์ทเนอที่ช่วยพัฒนาระบบนี้ก็คือ CargoSmart

7.Barclays

Barclays คือธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของสหราชอาณาจักร พวกเค้ามีการใช้บล็อกเชนในกระบวนการโอนหรือโยกย้ายเงินทุน เพื่อให้กระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น รวมถึงมีการใช้บล็อกเชนกับกระบวนการ KYC (Know-Your-Customers) เพื่อช่วยให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสของผู้ใช้บริการด้วยเช่นกัน

8.AXA

บริษัทประกันสัญชาติฝรั่งเศส พวกเขาให้บริการขายประกันเที่ยวบินดีเลย์ผ่าน Smart Contract บนเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum โดยตั้งชื่อบริการนี้ว่า Fizzy แต่เป็นที่น่าเสียดายที่บริการนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก จึงต้องปิดตัวลงไปในช่วงปลายปี 2019 ซึ่งทาง AXA มองว่าเป็นเพราะโลกยังไม่รู้จักบล็อกเชนดีพอ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะกลับมาประยุกษ์ใช้เทคโนโลยีนี้อีกครั้ง

จากบรรดาบริษัทที่ยกตัวอย่างมานี้ จะเห็นได้ว่าบล็อกเชนไม่ใช่เรื่องของบริษัทเกิดใหม่เท่านั้น หากเราไม่ปรับตัวและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เราก็อาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้เสมอ ซึ่งทาง Bitkub เข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่เราสามารถกำจัดความกลัวนี้ออกไปได้ด้วยความความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่ง Bitkub Academy มีคอร์สเรียนเกี่ยวกับบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีจัดให้กับผู้ที่สนใจ สามารถติดตาม ได้ทาง Facebook Bitkub Academy : https://www.facebook.com/Bitkubacademy

#Bitkub #Bitcoin #Blockchain #Technology #Cryptocurrency

Reference

https://101blockchains.com/companies-using-blockchain-technology/

https://www.growwire.com/companies-using-blockchain#:~:text=Walmart%20used%20blockchain%20to%20create,send%20payments%20across%20its%20platform.

https://www.investopedia.com/news/6-companies-using-blockchain-change-travel-0/

https://www.coindesk.com/barclays-leads-5-5-million-round-for-blockchain-business-payments-startup

https://corporate.walmart.com/newsroom/2018/09/24/in-wake-of-romaine-e-coli-scare-walmart-deploys-blockchain-to-track-leafy-greens

https://cointelegraph.com/news/big-tech-in-blockchain-comparing-ibm-microsoft-apple-google-and-more