บทความ
AI กับ Blockchain จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร?
เมื่อไม่นานมานี้ AI (Artificial intelligence) กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเพราะการมาของ ChatGPT ที่ทำงานได้ราวกับเป็นผู้ช่วยสุดอัจฉริยะ ไม่ว่าจะถาม-ตอบคำถามเชิงวิชาการ การเขียนโค้ด การสร้างคอนเทนต์ และอีกมากมาย
เมื่อทุกคนได้เห็นศักยภาพของ AI การพัฒนาเทคโนโลยีนี้จึงมีแนวโน้มจะก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น และอาจถูกนำไปประสานเข้ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อยกระดับการทำงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบล็อกเชน (Blockchain) นั่นเอง
ในบทความนี้ Bitkub Blog จะเล่าให้ฟังว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนที่อยู่เบื้องหลังคริปโทเคอร์เรนซีจะทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างไร และมีตัวอย่างอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก AI กันก่อนครับ
AI คืออะไร?
AI หรือ Artificial Intelligence แปลเป็นไทยได้ว่า “ปัญญาประดิษฐ์” ซึ่งถูกออกแบบให้มีระบบทำงานเหมือนกับการทำงานของสมองมนุษย์ นั่นหมายความว่า AI มีความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ในระดับเดียวหรือเหนือกว่าสมองของมนุษย์นั่นเอง
AI ถือเป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานซ้ำซากแทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี จึงช่วยให้มนุษย์สามารถโฟกัสไปยังงานที่มีความซับซ้อนหรือต้องใช้ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ได้มากกว่าเดิม จึงสามารถช่วยลดต้นทุนให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี
Blockchain ในยุค AI จะเป็นอย่างไร?
Blockchain คือเทคโนโลยีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอำนาจที่มีความปลอดภัยและความโปร่งใส ทำให้บล็อกเชนถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อทำให้สามารถตัดตัวกลางออกจากการทำธุรกรรมไปได้ การธุรกรรมผ่านบล็อกเชนจึงมีความโปร่งใส ต้นทุนต่ำ และรวดเร็ว
ไม่ใช้แค่เรื่องของการเงินหรือคริปโตเท่านั้น แต่บล็อกเชนสามารถนำมาใช้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น การติดตามสถานะการขนส่งสินค้าที่สามารถตรวจสอบไปถึงแหล่งผลิตได้อย่างโปร่งใส เป็นต้น
บทความโดย IBM ได้ยกตัวอย่างคุณประโยชน์ในกรณีที่เรานำเทคโนโลยีบล็อกเชนกับ AI มาใช้ร่วมกันไว้ 3 ข้อดังนี้
1.ความถูกต้อง
ข้อมูลที่ถูกบันทึกลงบนบล็อกเชนเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังและสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส นั่นจึงทำให้การนำมาใช้ร่วมกับ AI จะทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลที่ AI นำมาใช้วิเคราะห์ได้ หมายความว่าสิ่งที่ AI วิเคราะห์ออกมาจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นนั่นเอง
2.การวิเคราะห์ข้อมูล
AI สามารถอ่าน ทำความเข้าใจ และเชื่อมโยงข้อมูลได้ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ จึงเปรียบเสมือนการนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงมาใช้กับธุรกิจที่เกี่ยวกับบล็อกเชน โดยเปิดให้ AI สามารถเข้าถึงข้อมูลมหาศาลจากทั้งในและนอกบล็อกเชน เพื่อทำให้ AI สามารถวิเคราะห์และนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้น
3.การทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ
AI และบล็อกเชนสามารถลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายให้มีความเรียบง่ายขึ้นได้ ยกตัวอย่าง AI ที่ฝังอยู่ในสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) บนบล็อกเชน สามารถวิเคราะห์ว่าสินค้าหมดอายุแล้วหรือยัง จากนั้นจึงดำเนินการสั่งซื้อใหม่และชำระเงิน ไปจนถึงสามารถวิเคราะห์เพื่อแก้ไขข้อพิพาทและเลือกเส้นทางขนส่งที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างอัตโนมัติ เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้ Blockchain กับ AI ที่เกิดขึ้นแล้ว
1.CertiK
CertiK ให้บริการเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ AI ร่วมกับการยืนยันตัวตนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับบล็อกเชน Smart contract และ Web3 โดยการนำ AI มาใช้ร่วมกับบล็อกเชนของ CertiK ทำให้พวกเขาสามารถระบุความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก และวิเคราะห์ว่าเงินลงทุนในคริปโตกำลังไปที่ใด นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการ SkyTrace กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและให้ข้อมูลความปลอดภัยในสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาอีกด้วย
2.Bext360
Bext360 นำ AI และบล็อกเชนมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ในอุตสาหกรรมกาแฟ ไม้ อาหารทะเล และแร่ธาตุ โดย AI ของบริษัททำหน้าที่วิเคราะห์พืชผลและคาดการณ์รูปแบบการเติบโต ในขณะที่บล็อกเชนช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการบันทึกห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
3.NetObjex
NetObjex เป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอัจฉริยะที่ใช้ AI, บล็อกเชน และ IoT เพื่อขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อไปจนถึงผลิตภัณฑ์บนคลาวด์ การรวมกันของเทคโนโลยีเหล่านี้มีประโยชน์ตั้งแต่ติดตามการขนส่ง การตรวจจับความผิดพลาดแบบเรียลไทม์ และการตรวจสอบข้อมูลและอุปกรณ์
สรุป
การนำ AI มาใช้ร่วมกับบล็อกเชนสามารถให้ผลประโยชน์ในด้านความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ AI นำมาวิเคราะห์ เนื่องจากข้อมูลบนบล็อกเชนไม่สามารถถูกแก้ไขย้อนหลังได้และมีความโปร่งใสสูง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์โดย AI มีความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ การใช้ AI ร่วมกับ Smart contract บนบล็อกเชนยังช่วยทำให้ขั้นตอนการทำงานต่างสามารถเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น เพราะ AI สามารถวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานที่มีความซับซ้อนและดำเนินการต่อได้ด้วยตัวเอง จึงสามารถลดระยะเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรได้นั่นเอง
อ้างอิง BeinCrypto, Thaiprogrammer, IBM, Builtin
— — — — — -
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไขทุกเรื่องราวเกี่ยวกับ Cryptocurrency ว่าคืออะไร และทำไมถึงน่าสนใจ ?
Blockchain คืออะไร เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกหรือเปล่า?
— — — — — -
ศึกษาเรื่อง บิทคอยน์ (Bitcoin), Cryptocurrency และความรู้อีกมากมายในวงการคริปโตกับ Bitkub Exchange ได้ที่ Bitkub Blog
คำเตือน:
-คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
-ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
-ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื้อหาข้างต้นเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาโดยใช้ข้อมูลในอดีตและเครื่องมือวิเคราะห์ อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
ที่มา:
Medium